tag:blogger.com,1999:blog-84940816410902365082024-03-12T19:07:13.208-07:00เกร็ดความรู้ต่างๆkk_kalohttp://www.blogger.com/profile/18119410743034107595noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-8494081641090236508.post-71342020656062478352007-12-11T05:21:00.000-08:002008-11-13T01:52:52.690-08:00เ ก ร็ ด ค ว า ม รู้ ส มุ น ไ พ ร ไ ท ย<div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0qSM1wJU_BNIWxcw2LkmAJkGNlWl1vD2lD1BXH5F0l4iGfcKKtn5mCGehHfN7XhktHe_EsbdlfqWnXjhVRmIXcX9A4D48YmyK8eazn9R3z9LyKLA852z89SDVKfdFjeyj5ABFng2IbBM/s1600-h/bg_foot.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5142712507562409058" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 461px; CURSOR: hand; HEIGHT: 57px; TEXT-ALIGN: center" height="52" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0qSM1wJU_BNIWxcw2LkmAJkGNlWl1vD2lD1BXH5F0l4iGfcKKtn5mCGehHfN7XhktHe_EsbdlfqWnXjhVRmIXcX9A4D48YmyK8eazn9R3z9LyKLA852z89SDVKfdFjeyj5ABFng2IbBM/s400/bg_foot.jpg" width="539" border="0" /></a> <span style="color:#cc0000;">อบประคบสมุนไพรคลายหนาว</span><br /><div><br /><div>หนาวแค่ไหนก็ไม่กลัว ถ้าท่านรู้จักใช้แพทย์แผนไทยได้ถูกวิธี! ฤดูหนาวผ่านเข้ามา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทำให้ร่างกายเราต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย ถ้าร่างกายเราไม่สามารถปรับตัวได้แล้วก็มักจะเกิดโรคภัยในฤดูหนาวตามมา ได้แก่ เป็นไข้ เป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ผิวแห้ง คันตามผิวหนัง ผู้สูงอายุอาจจะมีอาการปวดตามข้อ ชาตามมือ ปลายเท้ามากขึ้น<br />แพทย์แผนไทยช่วยท่านได้อย่างไรในฤดูหนาว ? เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว หลักในการดูแลสุขภาพ โดยทั่วไป คือ ต้องดูแลให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น ตั้งแต่การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม การทำความสะอาดร่างกายตลอดจนการส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วย<br />1. การรับประทานอาหาร ในฤดูหนาว ท่านควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนปรุงเสร็จใหม่ๆ มีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อยและรสเผ็ด ได้แก่ แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวาน และน้ำพริก เป็นต้น<br />ด้วยธรรมชาติที่ปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพร ในฤดูต่างๆ ก็เปลี่ยนไป ในฤดูหนาวมักจะมี สะเดา ซึ่งมีรสขมเมื่อกินแล้วช่วยแก้ไข้ เจริญอาหาร ขี้เหล็กช่วยระบาย ดอกแค แก้ไข้หัวลม เป็นต้น ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารและผักพื้นบ้านที่มีอยู่ตามฤดูกาล ที่ธรรมชาติได้เปลี่ยนแปลงมาให้กับมนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ จะเป็นทางหนึ่งให้มนุษย์ได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับชีวิตเพื่อความอยู่รอด ส่วนการเลือกเครื่องดื่ม ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ช่วยให้เสมหะอ่อนขับตัวออกได้ง่าย ป้องกันการเป็นหวัดได้อีกทางหนึ่ง<br />2. การทำความสะอาดร่างกาย ด้วยอากาศที่หนาวเย็น การอาบน้ำควรเป็นน้ำอุ่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ควรเป็นเสื้อผ้าที่หนา การอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะน้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป รวมทั้งความชื้นของอากาศลดลง จะทำให้ผิวแห้งแตกและคัน ดังนั้นการดูแลผิวพรรณในฤดูหนาวจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสมุนไพรที่ใช้ดูแลผิวพรรณ ได้แก่ น้ำมันงา ขมิ้นชัน ผิวมะนาวและผิวมะกรูด เป็นต้น </div><br /><br /><br /><div><em><span style="color:#ffcc33;">น้ำมันงา</span></em> โดยนำงาดิบประมาณ 1 ถ้วย โขลกให้ละเอียด บีบเอาน้ำมันจากงาเก็บไว้ในขวด ทาผิวเ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRse1FfdIHLiH2UdPkCM4W-1Lkj9CBQCMutteUq7uwFNR578bvFH2KnG3KJnjb5AhVnLI4bnLdCCF39JEgK1iDK9yKixZpBpusIHomCzpM5ukNXczrUOAvP6kRGLD3y6-McyexrxHtXac/s1600-h/thheath17big.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5142712846864825458" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="106" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRse1FfdIHLiH2UdPkCM4W-1Lkj9CBQCMutteUq7uwFNR578bvFH2KnG3KJnjb5AhVnLI4bnLdCCF39JEgK1iDK9yKixZpBpusIHomCzpM5ukNXczrUOAvP6kRGLD3y6-McyexrxHtXac/s200/thheath17big.jpg" width="166" border="0" /></a>ช้าและก่อนนอน น้ำมันงาจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งแตกและคัน</div><br /><br /><br /><div><em><span style="color:#ffcc33;">ขมิ้นชัน</span></em> มีสรรพคุณลดอาการคัน และช่วยเกิดอาการผดผื่นตามผิวหนัง โดยนำขมิ้นชันสดมาล้างให้สะอาด โขลกให้ละเอียด บีบน้ำที่ได้ทาผิว หลังอาบน้ำ เช้า?เย็นข้อควรระวัง สีขมิ้นจะติดตามเสื้อผ้าที่สวมใส่ ซักออกลำบาก</div><br /><br /><br /><div><em><span style="color:#ffcc33;">ผิวมะกรูด</span></em> น้ำมันที่ผิวของมะนาวและมะกรูด จะช่วยเคลือบผิวให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน ลดการอักเสบ โดยนำมะนาวที่ใช้น้ำมะนาวแล้ว นำบริเวณผิวด้านนอกทาผิวบริเวณที่แห้งคัน เช้า-เย็น<br /><br /></div><div><span style="color:#cc0000;">การอาบสมุนไพร</span><br /></div><div>การอาบน้ำอุ่นช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ในฤดูหนาวมักจะเป็นหวัด คัดจมูก คันตามผิวหนัง การนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการคัน ช่วยให้หายใจโล่งมาต้มอาบแทนอาบน้ำเปล่า โดยใช้สมุนไพรที่หาง่ายมีใช้ในครัวเรือน ดังต่อไปนี้<br />ยอดผักบุ้ง จำนวน 5 ยอด ใช้รักษาอาการคัน<br />ใบมะกรูด จำนวน 3-5 ใบ แก้วิงเวียน ช่วยให้หายใจสบาย<br />ใบมะขาม/ใบส้มป่อย 1 กำมือ แก้อาการคันตามร่างกายช่วยให้ผิวหนังสะอาด<br />ต้นตะไคร้ จำนวน 3 ต้น บำรุงธาตุไฟ แต่งกลิ่น<br />หัวไพล จำนวน 2-3 หัว ลดอาการอักเสบ ปวด บวม<br />ใบหนาด จำนวน 3-5 ใบ ช่วยบำรุงแก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย<br />หัวขมิ้นชัน จำนวน 2-3 หัว สมานแผล แก้คันตามผิวหนัง<br />การบูร จำนวน 15 กรัม แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ<br />หัวหอมแดง จำนวน 3-5 หัว แก้หวัดคัดจมูก<br />นำสมุนไพรมาต้มรวมกัน ผสมน้ำเย็นให้พออุ่นอาบ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดอาการคันตามผิวหนัง ช่วยหายใจโล่ง สบายตัว สมุนไพรดังกล่าวข้างต้น ยังสามารถนำมาเป็นสมุนไพรสำหรับอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพได้อีกทางหนึ่ง การอบสมุนไพรทำได้ 2 กรณี คือ<br />กรณีอบสมุนไพรเองที่บ้าน 1. มีตู้อบสมุนไพรสำเร็จรูป ใช้สมุนไพรใส่หม้อต้มน้ำหรือหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแล้วใช้ไอน้ำอบสมุนไพร ซึ่งในตู้อบสำเร็จรูปจะมีที่สำหรับให้ไอน้ำผ่านได้ดี และมีการระบายอากาศด้านบน (ศรีษะ) 2. ถ้าไม่มีตู้อบสมุนไพร จะใช้เป็นกระโจม โดยหาวัสดุที่มีอยู่มาดัดแปลงแล้วใช้ผ้าคลุม โดยมีที่ระบายอากาศ ใช้หม้อต้มที่สำหรับให้ไอน้ำเข้าสู่กระโจมอย่างทั่วถึงและระมัดระวัง เรื่องน้ำร้อนลวก และระบบไฟฟ้า<br />การอบสมุนไพรในห้องอบสมุนไพรมาตรฐาน ปัจจุบันมีโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 40 แห่ง มีคลินิกแพทย์แผนไทยและมีห้องอบสมุนไพร<br />มาตรฐานของห้องอบสมุนไพร<br />1. ขนาดห้อง กว้าง 1.9 เมตร ยาว 1.9 เมตร สูง 2.3 เมตร สามารถอบได้ครั้งละ 3-4 คน 2. พื้นและฝาผนัง ควรเป็นพื้นปูนขัดหน้าเรียบ ช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด 3. ประตูห้องควรปิดมิดชิด แต่ไม่มีการล็อคกลอนจากข้างใน อาจเจาะเป็นช่องกระจก ที่สามารถมองจากภายนอกเห็นภายในห้องได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้ 4. ควรมีห้องอบที่แยกให้บริการ สำหรับเพศหญิงและเพศชาย 5. อุปกรณ์สำหรับการอบสมุนไพรประกอบด้วย - ม้านั่งยาว 1-2 ตัว - เทอร์โมมิเตอร์ สำหรับวัดอุณหภูมิภายในห้องอบ อุณหภูมิระหว่างอบควรอยู่ระหว่าง 42-45 องศา สามารถตรวจสอบอุณหภูมิได้ที่ภายนอกห้อง - นาฬิกาจับเวลา สามารถตั้งเวลาได้ - เครื่องชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ปรอทวัดไข้ - หม้อต้มน้ำไฟฟ้า ที่มีซึ้งตะแกรงเติมและเปลี่ยนถ่ายสมุนไพรได้สะดวก - พัดลมดูดอากาศ - หม้ออบสมุนไพร เป็นหม้อไฟฟ้า มีระบบควบคุมความปลอดภัย มีท่อสแตนเลสจากหม้อต้มส่งไปในห้องอบ และมีระบบควบคุมป้องกันไฟฟ้า ซึ่งมีระบบควบคุมไฟหม้อต้มที่สามารถอุ่นได้ เมื่อรอการใช้และปิดเปิดไฟอัตโนมัติ<br />ขั้นตอนการอบสมุนไพรในสถานบริการสาธารณสุขจะต้องซักประวัติโดยละเอียด ตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก วัดความดันและวัดไข้ก่อน โดยแพทย์แผนโบราณแบบประยุกต์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ เมื่อตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่จะอบสมุนไพรต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด สวมเสื้อที่เตรียมไว้ให้ เวลาในการอบสมุนไพรครั้งแรกควรจะเริ่มจาก 30 นาที 2 ครั้งๆ ละ 15 นาที ขณะที่นั่งพักควรดื่มน้ำเปล่า (ไม่เย็น) หรือดื่มนม 1 แก้ว หลังจากอบสมุนไพรครบตามเวลา ควรนั่งพักจนกว่าเหงื่อจะแห้ง เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ ควรอบสมุนไพรวันเว้นวันหรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง<br />ข้อห้ามในการอบสมุนไพร<br />มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส<br />เป็นโรคติดต่อร้ายแรงทุกชนิด<br />มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไต โรคหัวใจ โรคลมชัก โรคหอบหืดรุนแรง<br />สตรีมีประจำเดือน รวมกับมีไข้ ปวดศรีษะ<br />มีอาการอักเสบจากบาดแผล<br />อ่อนเพลีย (อดนอน อดอาหาร หรือหลังรับประทานอาหารใหม่)<br />ปวดศรีษะ เวียนศรีษะ คลื่นไส้<br />ในกรณีที่มีอาการปวดเฉพาะที่ เช่น ปวดตามข้อมือ ข้อเท้า ปวดตามกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ในฤดูหนาวจะมีอาการปวดมากขึ้น การอบสมุนไพรอาจจะไม่ได้ผลมากนัก ควรใช้การประคบสมุนไพร บริเวณที่ปวดซึ่งสามารถทำได้เอง โดยใช้สมุนไพรที่คล้ายกับการอบสมุนไพร </div><br /><div>นำสมุนไพรมาโขลกหยาบๆ รวมกัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน ห่อด้วยผ้าขาวดิบ จะได้ลูกประคบ 2 ลูก และนำมานึ่งให้ร้อน นำมาประคบบริเวณที่ปวดสลับกัน 2 ลูก เมื่อใช้แล้วให้ผึ่งแดดให้แห้ง ใส่กล่องมิดชิดเก็บไว้ในตู้เย็นใช้ได้ 5-7 วัน สังเกตสีของสมุนไพร ถ้าสีซีดแสดงว่าสมุนไพรมีสารสำคัญลดลง ถ้ามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวควรทิ้งไป<br /><span style="color:#ff6666;">ข้อควรระวัง</span> ในการประคบสมุนไพร ในผู้สูงอายุหรือเด็กควรจะระวังเรื่องความร้อน ควรทดสอบความร้อนบริเวณผิวหนังที่หลังมือ ถ้าร้อนมากให้ใช้ผ้ารองก่อน ขณะประคบควรสังเกตสีของผิวหนัง ถ้าแดงมากแสดงว่าความร้อนสูง อาจจะพุพองได้ ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการชาตามปลายมือ ปลายเท้า ควรใช้ลูกประคบด้วยความระมัดระวัง</div></div></div>kk_kalohttp://www.blogger.com/profile/18119410743034107595noreply@blogger.com0